ภวังค์รัก (1/2) (มี E-Book)
เจนติญา หญิงสาวที่มีครอบครัวอบอุ่นแม้จะมีเพียงแม่คนเดียว เรามาติดตามว่าเธอจะช่วยเหลือ ดวงวิญญาณสุดหล่อ ที่มาขอความช่วยเหลือจากเธอว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ รวมทั้งความหวัง ความฝันของเธอ ร่วมลุ
ผู้เข้าชมรวม
513
ผู้เข้าชมเดือนนี้
24
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 1
: หญิงสาวในชุดกระโปรงลายดอกไม้
แสงสีทอง ของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า แทบจะกลืนไปกับสีของท้องฟ้าที่ตอนนี้เป็นสีส้มทองไล่โทนสีอ่อนสวยงามดึงดูดทุกสายตา เสียงเครื่องยนต์เรือที่ปกติแล่นขวักไขว่ วุ่นวาย ก็ดูจะสงบลงในเวลานี้ มีเพียงแค่เสียงจากการจราจรด้านหลังของฉันที่ยังคงดำเนินตามปกติ เวลา 18.00 นาฬิกา ไฟประดับหลากสีสันที่ถูกประดับประดา ตกแต่งไว้สวยงามที่ยอดของเสาใหญ่ที่มีรูปทรงดอกบัวบาน เริ่มสว่างเปล่งแสงสวยงามเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวสะพานที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับต้น ๆ ของประเทศนี้
บางครั้งหลังเลิกเรียนฉันก็มาใช้เวลาที่นี่ก่อนที่จะกลับถึงบ้าน ลมพัดพาความเย็นสดชื่นปะทะเข้ากับใบหน้า ความรู้สึกผ่อนคลายขยายตัวอยู่ภายในอย่างน่าประหลาดใจ
ทางเดินที่ทอดยาวตามความยาวของสะพาน ถูกดูแลอย่างดี สะดวก สะอาด สวยงาม และไม่มีจุดอับสายตา รวมถึงกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ตามจุดสำคัญ ตั้งแต่เริ่มจนสุดสะพานบ่งบอกถึงความใส่ใจและการให้ความสำคัญสะพานแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งเมื่อชื่นชมความสวยงามของบรรยากาศของทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดินแล้ว การได้สังเกตอากัปกิริยาของผู้คนที่มาใช้เวลาหลังเลิกเรียน เลิกงาน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เพลิดเพลิน ปลายสะพานอีกด้านหนึ่งมีผู้ชายน่าจะวัยเดียวกับฉันเดินทอดน่องช้า ๆ เหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังอ่อนแสงลงช้า ๆ
ขยับเข้ามาเกือบจะถึงกึ่งกลางของสะพานมีหญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็ก ๆ สีครีมอ่อน เธอเหม่อมองไปที่ท้องน้ำด้านล่าง ผมยาวที่ถูกดัดลอนทิ้งตัวพลิ้วไหวด้านหลัง ผิวขาวแบบคนในเมือง ร่างบางของเธอสั่นเทา
แม้ฉันจะยืนอยู่ห่างก็สังเกตเห็นถึงความไม่ปกติของเธอได้ ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นในความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก สมองของฉันพยายามจะหาเหตุผลให้กับความรู้สึกไม่ปกตินี้ของเธอ
เธอเป็นอะไรรึเปล่า หนาวจากลมที่พัดเมื่อสักครู่หรือไร หรือว่าเธออกหัก.....
จริง ๆ วันนี้ฉันเองก็มาที่นี่ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากเธอนัก บางอย่างในโลกนี้ก็ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย ฉันพยายามทำให้ความรู้สึกของตัวเองดีขึ้นไห้ได้อย่างน้อยก็ก่อนที่จะพาตัวเองกลับถึงบ้าน ฉันดูพ่ายแพ้และแตกสลายเหมือนเธอคนนั้นรึเปล่า...
“ไม่………..!!!!
เสียงตะโกนดังทะลุเสียงต่าง ๆ รอบตัว ฉันหลุดออกจากห้วงคำนึงของตัวเอง เสียงตะโกนที่ว่า ดังมาจากปลายสะพานอีกด้าน ผู้ชายที่เดินทอดน่องอยู่ในตอนแรกนั้น ตอนนี้กำลังวิ่งขึ้นมาที่กลางสะพาน สายตาที่ดูตื่นตระหนกของเขาจ้องมองไปที่จุดกึ่งกลางสะพาน จุดที่ผู้หญิงชุดดอกไม้คนนั้นยืนอยู่ ฉันมองตามสายตาของเขาที่ไปหยุดที่หญิงสาววัยทำงานสวมชุดดอกไม้ ตอนนี้เธอกำลังปีนราวสะพานขึ้นไป โดยแทบไม่สนใจเสียงดังโหวกเหวกที่ดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอเลย เธอกำลังจะ...
“อย่านะ………………..!!!!!!!!!!!!
ฉันกรีดร้องออกไปอย่างสุดเสียงเมื่อตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองเริ่มออกวิ่งไปทิศทางเดียวกันกับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน ไปที่ผู้หญิงคนนั้น ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งไปข้างหน้า ทำไมฉันรู้สึกว่าสะพานนี้ช่างยาวเหลือเกิน ผู้หญิงคนนั้นหยัดตัวขึ้นยืนบนราวสะพานโดยไม่สนใจเสียงหรือสิ่งรอบตัวเธอที่เกิดการชุลมุนขึ้นนับตั้งแต่เธอเริ่มปีนราวสะพาน เมื่อยืดตัวขึ้นเธอไม่พยายามที่จะทรงตัวแต่กลับปล่อยให้ร่างกายของเธอหลุดลอยออกจากราวสะพานอย่างไม่ไยดีทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
ผู้ชายใส่ชุดสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นเหมือนอยู่ ๆ เขาก็อยู่ตรงนั้น เขายืนอยู่บนราวสะพานจุดเดียวกับเธอคนนั้น ฉันแอบแปลกใจว่าเขามาจากทิศทางไหนหรือตอนไหน ดูเขาสงบเยือกเย็นเหลือเกินสวนทางกับความโหวกเหวกวุ่นวายทุกอย่างตอนนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอและฉันก็เข้าใจในทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร
“ไม่......................!!!!!!!!!!!
ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตา ฉันเกือบจะถึงตัวเธออยู่แล้ว ไม่ได้นะ .......พวกคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าเขาเอาไว้สักส่วน เพื่อไม่ให้เขาร่วงหล่นตามผู้หญิงคนนั้นลงไป
เขาหันมาจ้องมองฉันด้วยความตื่นตะลึง ดวงตากลมโตนั้นแฝงความแปลกใจ ริมฝีปากของเขาขยับยิ้มเหมือนกำลังดีใจ ฉันเชื่อว่าตัวเองจะจดจำรอยยิ้มนั้นไปอีกนาน ริมฝีปากของเขาขยับเหมือนเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับฉัน แต่แรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เขาร่วงหล่นลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่างเกือบจะพร้อม ๆ กับเธอคนนั้นและก่อนจะตกกระทบผิวน้ำเขาคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกกระแสน้ำพัดหายเงียบไป เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ทะลึ่งโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา เหมือนตัวเธอพุ่งขึ้นมาแบบกระโดดพ้นจากน้ำ เธอนั้นยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนและอยู่ในอาการตื่นตระหนก หันรีหันขวาง เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง เรือกู้ภัยโยนห่วงยางและดึงตัวเธอขึ้นเรือกู้ชีพอย่างปลอดภัย ตอนนี้จำนวนผู้คนบนสะพานเพิ่มจำนวนมากขึ้น
“แล้วเขาคนนั้นล่ะ....ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“พี่คะ พี่กู้ภัยคะ รบกวนช่วยดูรอบ ๆ ช่วยมองหาผู้ชายชุดสีขาวที่ตกลงไปด้วยค่ะ”
ฉันยังคงพยายามมองหาอะไรก็ได้ที่มีสีขาวสว่าง ทั้งในน้ำ ริมฝั่งหรือบริเวณที่ห่างออกไป แต่ไม่มีใครโผล่พ้นน้ำขึ้นมานอกจากผู้หญิงคนนั้นที่ได้รับความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ทีมเรือกู้ภัยยังคงวนเรือ
เพื่อตามหาอะไรหรือใครก็ตามที่ยังมีชีวิตอยู่ในบริเวณนั้นจากคำบอกเล่าของฉัน
“ไม่พบใครอีก น้องเห็นคนอื่นนอกเหนือจากผู้ประสบเหตุอีกหรือครับ.....
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเอ่ยถามพร้อมกับทีมเจ้าหน้าที่ ที่กำลังตามหาผู้ที่โทรแจ้งเหตุการณ์
“ผมไม่เห็นคนอื่นนอกจากผู้หญิงคนนั้นครับ ผมเป็นคนโทรแจ้งเหตุครับ”
ผู้ชายอีกฝั่งหนึ่งของสะพานปรากฏตัวขึ้นพร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมกู้ภัย ฉันรู้สึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่บอกว่าผู้ชายชุดสีขาวกระโดดลงไปช่วยเธอ และจมหายไปต่อหน้าต่อ ฉันมั่นใจว่าเขาเองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อม ๆ กับฉัน
“ผู้ชายที่ใส่ชุดสีขาว ที่กระโดดตามลงไปไงคะ จะมีแค่ผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงกันคะ”
ฉันยืนยันหนักแน่นและเชื่อว่าเขาก็ต้องเห็นผู้ชายชุดขาวคนนั้นเพราะเขาเองก็อยู่ในจุดอีกด้านหนึ่งของสะพานที่ไม่ไกลไปจากฉันนักในตอนนั้นเขาต้องเห็นสิ
“ป้าเห็นแค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียว”
“ผมก็ไม่เห็นคนอื่นเหมือนกัน”
คุณป้าร่างท้วมหน้าตาใจดีที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีรุ้ง เอ่ยขึ้น พร้อมทำใบหน้างุนงง และผู้ชายที่ใส่เสื้อส่งอาหารสีเขียวเอ่ยสนับสนุน พวกเขามาจากไหนกันนะ อาจจะไม่เห็นผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เหมือนฉันที่ไม่ได้สังเกตว่าพวกเขาอยู่ในบริเวณนั้น แต่ผู้ชายคนนั้น คนที่ปลายสะพานอีกด้านต้องเห็นเขาสิ คนทั้งคนนะ
“ทางทีมกู้ภัยจะขับเรือวนดูรอบ ๆ อีกครั้งนะครับ แล้วขอจบภารกิจช่วยเหลือเพราะตอนนี้ก็มืดแล้ว ขอบคุณที่โทรแจ้งเหตุ และให้ความร่วมมืออย่างดีครับ”
ทีมกู้ภัยจากไป แต่ฉันยังคงมองสิ่งมีชีวิตหรืออะไรสักอย่างในผืนน้ำข้างล่าง ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือฝันกลางวันแน่ ๆ
“เธอไม่เห็นเขาจริง ๆ เหรอ ผู้ชายชุดสีขาวที่ตกลงไปพร้อมกันไม่เห็นจริง ๆ ใช่ไหม”
ฉันเอ่ยถามผู้ชายคนนั้นขณะที่เขากำลังหันหลังกลับเดินไปทางปลายสะพานอีกด้าน ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อนที่ไหนสักแห่ง
“ผมไม่เห็นใครนอกจากผู้หญิงที่ตกลงไปคนนั้น”
เขาตอบกลับแบบสงบและมั่นใจ ขณะที่พูดก็มองเข้ามาในดวงตาของฉัน ฉันจึงรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก ก็คงเป็นฉันที่ฝันกลางวัน หรือไม่ก็คงเป็นผีหลอกตอนกลางวัน
“คุณคงจะตกใจมาก”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ขอตัวนะ”
ฉันเอ่ยก่อนที่จะหมุนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามและเริ่มก้าวเดินออกจากสะพานเพราะ ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบไม่ใช่ตอนเย็นย่ำแล้วแต่เป็นหัวค่ำโดยไม่สนใจผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้กับฉัน เลยเวลากลับบ้านตามปกติของฉันมามากแล้ว
“กลับรึยังลูก ถึงไหนแล้ว”
“ใกล้จะถึงแล้วค่ะแม่”
ฉันตอบข้อความแม่ แม่คงอยากรู้ว่าวันนี้เป็นยังไงเหมือนทุกครั้งที่แม่รู้ว่าจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแม่จะเร่งให้ฉันกลับถึงบ้านโดยที่แม่ทำอาหารรอกลับไปทานพร้อมกัน อาหารเย็นที่บ้านฉันหวนคิดถึงช่วงเวลานั้น เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนยังคงชัดเจนในความทรงจำ
“เพล้ง!!!!........
เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น ดังออกมาจากบ้าน ใจฉันกระตุก มือเย็นเยียบแม้จะหวาดกลัวและพอจะเดาเหตุการณ์ได้ ฉันรีบพุ่งตัวเข้าไปในบ้าน ภาพเหตุการณ์ ที่ผู้ชายคนนั้น พ่อของฉัน ยืนอยู่ที่โต๊ะทานข้าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นเทา โกรธจัด เขายังคงตะโกนพร่ำก่นด่าแม่ด้วยเสียงอันดัง เศษจานข้าวแตกกระจายอยู่ที่พื้น แม่ของฉันคุกเข่า เก็บกวาดทำความสะอาดเศษอาหารด้วยตัวสั่นเทา
ฉันในวัยนั้นไม่เข้าใจว่า.......
“เกิดมาจนคือความผิดอย่างหนึ่ง”
“การทำลายข้าวของมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นหรืออย่างไร”
แม่เก็บกวาดจานชามบนพื้นและเศษอาหารที่กระจายอยู่บนพื้น แม้กระทั่งเสียงสะอื้นไห้ ก็ทำให้อารมณ์โมโหของเขาเพิ่มขึ้นได้ ความรู้สึกตื่นกลัวแล่นมาจับขั้วหัวใจ กลัวว่าแม่จะได้รับอันตราย บาดเจ็บ ทันทีที่แม่เห็นฉันแม่จะพยายามทำให้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นอุบัติเหตุ เป็นเรื่องไม่ตั้งใจเหมือนทุกครั้ง แต่แววตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และมือที่จับไม้กวาดนั้นกำลังสั่นเทา
แม่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย ฉันเองก็กลัวเขาแต่ความโกรธนั้นดูเหมือนจะมีอำนาจมากกว่าความกลัว แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยทำร้ายฉัน
หรือแม่ แต่การกระทำแบบที่เขาทำอยู่นี้ การทำลายข้าวของ การตะโกนด่าทอ มันก็คือรูปแบบของการทำร้ายอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือไง
“กลับมาแล้วเหรอ...เจน หิวรึเปล่า”
แม่ข่มเสียงที่กำลังสั่นด้วยรอยยิ้ม ดวงตาอ่อนโยนมีน้ำตาที่เอ่อล้นจวนเจียนจะไหลอาบแก้ม
“วันนี้การบ้านเยอะมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูทำเสร็จแล้วจะลงมาช่วยนะคะ”
ฉันพยายามควบคุมความตกใจ ความกังวลไม่ให้แสดงออกผ่านน้ำเสียงของตัวเอง เปล่าเลย ฉันไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉัน แต่ฉันกลัวแทนแม่ กลัวว่าน้ำตาที่แม่กำลังอดกลั้นเอาไว้จะไหลออกมา
สายตาของฉันจับจ้องไปที่ใบหน้าของแม่ แต่ก็ยังเห็นว่า “เขา” ผลุนผลันเดินออกไปด้วยอาการหงุดหงิดเต็มที่ผ่านหางตา ฉันไม่ได้ขยับไปที่ห้องตัวเองแม้แต่ก้าวเดียว
“ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีก....”
นั่นคือคำพูดที่เขาทิ้งเอาไว้เสียงร้องไห้ของแม่เบากว่าทุกครั้ง แม่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ฉันสวมกอดแม่แน่นเพราะเข้าใจไปเองว่านั่นอาจจะทำให้แม่หยุดร้องไห้ได้ แต่เปล่าเลยไม่ใช่แบบนั้นฉันต่างหากที่
ร้องไห้ดังกว่าแม่ บางส่วนของฉันได้ขาดหายไปตั้งแต่วันนั้น เราร้องไห้อยู่นานจนฉันหลับไป ตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้แม่กับฉันก็ไม่พูดถึงพ่ออีกนับแต่นั้น
ผลงานอื่นๆ ของ Che'rie_ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Che'rie_
ความคิดเห็น